ต้อหิน
GLAUCOMA
ต้อหินอันตรายกว่าที่คุณคิด
ต้อหินคือกลุ่มอาการของโรคที่ทำให้ขั้วประสาทตาค่อยๆเสื่อม เกิดจากการคั่งของน้ำภายในตา ทำให้ความดันในลูกตาตาสูง บางครั้งก็เกิดในผู้ที่มีความดันตาปกติ คนที่เป็นในระยะแรกส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบว่าตนป่วยเป็นโรคนี้ ลานสายตาจะค่อยๆแคบลง มองเห็นตรงกลาง แต่ข้างๆจะเห็นลดลง จนในที่สุดตาอาจจะบอด แต่ถ้าได้รับการตรวจพบและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ จะป้องกันไม่ให้ประสาทตาเสื่อมต่อไป ส่วนประสาทตาที่ถูกทำลายไปแล้ว ก่อนที่จะได้รับการรักษาจะไม่สามารถกลับคืนปกติได้
ประเภทของต้อหิน
ต้อหินมุมตาเปิด ชนิดนี้พบบ่อยที่สุด โดยจะเป็นต้อหินมุมเปิดเรื้อรัง แบ่งเป็น ชนิดความดันตาสูง และชนิดความดันตาปกติ ต้อหินมุมตาแคบ แบ่งเป็นต้อหินเฉียบพลัน และต้อหินเรื้อรัง สำหรับผู้ที่เป็นต้อหินเรื้อรัง มักไม่มีอาการเจ็บปวดแต่จะมาพบแพทย์เมื่อเป็นมากจนมองไม่เห็นแล้ว ส่วนต้อหินชนิดมุมตาแคบเฉียบพลัน มักเกิดในรายที่มุมตาระหว่างกระจกตาและม่านตาแคบ มักพบในคนเอเชีย เวลาเป็นความดันตาจะสูงขึ้นมากทันที ทำให้ปวดตามาก ปวดศีรษะ อาเจียน ตามัวอย่างรวดเร็ว มองไม่ค่อยเห็น มักเกิดในผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะตาบอดใน 1 สัปดาห์
ผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดต้อหินเรื้อรัง ทุกคนมีโอกาสเป็นต้อหินเรื้อรังได้ แต่ บุคคลต่อไปนี้มี โอกาสเสี่ยงสูงกว่าบุคคลทั่วไปได้แก่
- ผู้สูงอายุ ยิ่งอายุมากยิ่งมีความเสี่ยงมาก ต้อหินมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
- ผู้ที่มีประวัติต้อหินในครอบครัว โดยเฉพาะ พ่อ แม่ พี่ น้อง
- ผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์มากเกินขนาด เช่นในรายที่เป็นหอบหืดรุนแรงเรื้อรัง
- ผู้ที่เคยมีประวัติอุบัติเหตุในดวงตา
- ผู้มีโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและการไหลเวียนของเลือด เช่น เบาหวาน หัวใจ โรคไมเกรน ความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ โรคเรย์เนาด์
- ผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นมาก หรือ สายตายาวมาก
- อื่นๆเช่น เป็น นอนกรน หรือมีประวัติสูบบุหรี่
ผู้ที่อายุมากกว่า 40ปีขึ้นไป โดยเฉพาะมีญาติพี่น้องเป็นต้อหิน จึงควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์เป็นประจำทุก 1-2 ปี บางรายต้อหินอาจเกิดจากการซื้อยามาหยอดเอง เช่นยาที่มีสเตียรอยด์ประกอบอยู่ แล้วหยอดต่อเนื่องไปหลายๆขวด